การประยุกต์หลักการจัดการในงานอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ความหมายของ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทย เพื่อเป็นปรัชญานำทางในการพัฒนาและการบริหารประเทศ โดยยึดหลักทางสายกลาง คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบและคุณธรรมประกอบการตัดสินใจและการกระทำเพื่อตนเอง สังคมและประเทศรอดพ้นวิกฤตที่เกิดขึ้นและยังสามารถนำทางไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน มีความสมดุลภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
หลักสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
หลักสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
1. เป็นแนวทางและแนวปฏิบัติในการดำรงชีวิตของประชาชนในทุกระดับ
2. เป็นแนวทางในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง
3. จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวทันโลกยุคโลกาภิวัตน์
4. ความพอเพียงหมายถึงความพอประมาณ
5. จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวัง
6. จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ
“ความพอประมาณ” ในหลักเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่
“ความพอประมาณ” ในหลักเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่
1. ความพอประมาณในระดับบุคคล
2. ความพอประมาณในระดับครอบครัว
3. ความพอประมาณในระดับชุมชนหรือสังคม
4. ความพอประมาณในระดับประชาชาติ
“ความมีภูมิคุ้มกันที่ดี” ในหลักเศรษฐกิจพอเพียง ความมีภูมิคุ้มกันที่ดีเปรียบเสมือนการลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นให้น้อยลง ความเสี่ยงในที่นี้มีความหมายครอบคลุมกว้างขวาง ทั้งในแง่ของการดำเนินชีวิตของบุคคล การปฏิบัติงาน การประกอบธุรกิจ การดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของประเทศชาติ จะต้องปกป้องคุ้มครองไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่ไม่ควรจะเป็น เช่น เกิดความเสี่ยงเพราะมีความโลภมากเกินไป หรือเสี่ยงเพราะปล่อยกู้มากเกินไป หรือกักตุนสินค้าเพื่อเก็งกำไรมากเกินไปจนก่อให้เกิดความเสี่ยง
แนวทางในการนำเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวัน
แนวทางในการนำเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวัน
1. รู้จักใช้เงิน
2. รู้จักเลือกให้เหมาะสม
3. รู้จักบริโภคให้เหมาะสม
4. งดอบายมุข
5. รู้จักลงทุนในสิ่งที่เป็นประโยชน์
รัฐสามารถนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการจัดการระบบเศรษฐกิจ ดังนี้
1. การจัดการด้านเสถียรภาพและการจัดการความเสี่ยง
2. การใช้ระบบธรรมาภิบาล
3. การลงทุนและการก่อหนี้ของรัฐต้องไม่เกินตัว
การจัดการด้านเสถียรภาพและการจัดการความเสี่ยง มีประโยชน์คือจะทำให้ระบบเศรษฐกิจของชาติมีความยืดหยุ่น สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เนื่องจากสภาวะของโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก หาก ระบบเศรษฐกิจของประเทศเราไปพึ่งพาอาศัยประเทศอื่นย่อมส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของประเทศอย่างแน่นอน
ธรรมาภิบาล หมายถึง การบริหารของภาครัฐที่มุ่งความดีงาม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่รัฐและประชาชนอย่างทั่วถึงและ ยุติธรรม ธรรมาภิบาล จึงประกอบด้วย การบริหารที่ดีและมีความยุติธรรมทั้งเพื่อรัฐและเพื่อประชาชน ควรมีลักษณะที่สำคัญ ๆ 4 อย่าง คือ
1. การบริหารอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล คือ การบริหารจัดการที่รัฐและประชาชนส่วนใหญ่จะได้รับประโยชน์สูงสุดที่ควรจะได้
2. การบริหารด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบการทำงานของรัฐไม่มีการคอร์รัปชั่นหรือการสร้างผลประโยชน์ให้กลุ่มของตนเอง ตลอดจนการสร้างประโยชน์แบบทับซ้อน
3. มีความยุติธรรมอย่างทั่วถึง การบริหารราชการที่ดีจะต้องให้ความยุติธรรมอย่างทั่วถึง
4. ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง ในการบริหารราชการที่ดีรัฐจะต้องให้ประชาชนทุกชั้นมีส่วนร่วมในการบริหาร
แนวทางในการนำเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในภาคธุรกิจ
1. การปฏิบัติต่อผู้เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรม ผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจประกอบด้วย เจ้าของธุรกิจ หุ้นส่วนของธุรกิจ และประชาชนในฐานะผู้บริโภค ทุกคนที่เกี่ยวข้องควรได้รับความเป็นธรรมจากการดำเนินธุรกิจ
2. มีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน และดำเนินการตามนโยบายที่กำหนดไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท
3. ดำเนินงานอย่างโปร่งใส เพราะความโปร่งใสต้องมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้อง
4. ดำเนินธุรกิจแบบมีวิสัยทัศน์ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาวมากกว่าหวังผลกำไรชั่วครั้งชั่วคราว
ระบบบรรษัทภิบาล คือ วิธีการภายในของบริษัทในการปฏิบัติงานให้ประสบความสำเร็จ โดยมีผลในทางที่ดีต่อระบบ เศรษฐกิจของประเทศ มีผลมีต่อพนักงานและผู้ถือหุ้นของบริษัท ในการดำเนินการของบริษัทสามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส
ระบบบรรษัทภิบาล คือ วิธีการภายในของบริษัทในการปฏิบัติงานให้ประสบความสำเร็จ โดยมีผลในทางที่ดีต่อระบบ เศรษฐกิจของประเทศ มีผลมีต่อพนักงานและผู้ถือหุ้นของบริษัท ในการดำเนินการของบริษัทสามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส